จวบจนปี 1500 ก่อนคริสตกาล มีการใช้ทักษะในการผลิตขวดแก้วน้ำหอมมากขึ้น ส่วนมากจะใช้ แก้วสีน้ำเงินเข้ม สีโอปอ หรือสีใส ตกแต่งลวดลายเป็นลายเส้นซิกแซ็ก สีน้ำเงิน ขาว เหลือง ในยุคของ Lalique Falcons
เราอาจเชื่อได้ว่าช่วงเวลานั้นขวดแก้วเครื่องหอมจะต้องเป็นสิ่งของที่หรูหรามาก เฉกเช่นเดียวกับสิ่งที่มันบรรจุอยู่ แต่น้ำหอมได้ถูกผลิตและเก็บรักษาไว้ในภาชนะกว่าร้อยปีมาแล้ว
ภาชนะเหล่านี้ที่ถูกผลิตขึ้นมาก่อนหน้านี้ ใน Terra Cotta มีไว้สำหรับใส่ของเหลวที่มีราคา แต่ต่อมาแสดงถึงความมั่งคั่ง โดยแกะสลักจากหินปูน หินโมรา และ porphyry ซึ่งมีคุณสมบัติดีเป็นอย่างยิ่งในการที่สามารถเก็บรักษาความเย็น และชะลอการเกิดการเหม็นหืนของส่วนผสมที่เป็นน้ำมันได้เป็นอย่างยิ่ง
สารเหล่านี้ได้ถูกใช้ต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคกรีกและโรมัน แต่ในเรื่องของการออกแบบกลับช่ำชองมากยิ่งขึ้น ขวดน้ำหอมของกรีกหลายแบบถูกพบว่าทำเป็นเครื่องเคลือบรูปร่างนก สัตว์ หรือศรีษะของมนุษย์ เป็นต้น จนประมาณ 50 ปีก่อนคริสตกาล ในการพัฒนาการเป่าแก้วในซีเรีย (เป็นการทำให้แก้วเปลี่ยนรูปร่างได้ก่อนที่จะทำให้มันเย็นตัวลง) เป็นช่วงที่มีการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น เมื่อกรรมวิธีในการทำแก้วให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นด้วยการเป่าแก้วลงในแบบ (mold) เพื่อการผลิตแก้วในรายการที่เหมือน ๆ กันสามารถทำซ้ำกันได้
ส่วนขวดน้ำหอมของโรมันเป็นขวดแก้วใส ตกแต่งด้วยแก้วสีอีกทีหนึ่ง และมีรูปทรงที่หลากหลาย ตลอดจนการออกแบบที่แสดงให้เห็นถึงมาตราฐานความชำนาญในการทำ แต่สิ่งเหล่านี้มีมูลค่าแพงมาก ผู้คนส่วนใหญ่เก็บรักษาขวดที่มีการเคลือบผิวแบบธรรมดากันไว้ ซึ่งมักเป็นรูปร่างเปลือก
ในยุคกลางภาชนะโลหะและเครื่องเคลือบกระเบื้องก็เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถูกนำมาผลิตเป็นขวดน้ำหอม จนกระทั่งศตวรรษที่ 18 วัสดุในการผลิตขวดน้ำหอมใหม่ ๆ ก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์มากขึ้น เมื่อโรงงานผลิตเครื่องเคลือบของชาวจีนได้ถูกค้นพบขึ้น จากโรงงานที่ Meissen ในเยอรมัน, Sevres ในฝรั่งเศส, Chelsea ในอังกฤษ และ แม้แต่ขวดน้ำหอมที่ทำจากกระเบื้องเคลือบที่ตกแต่งลวดลายต่าง ๆ ก็เริ่มปรากฏเป็นเครื่องประดับบนโต๊ะในบ้านตามสมัยนิยม แต่แก้วยังคงเป็นวัสดุที่โดดเด่นที่สุดในการผลิตขวดน้ำหอม สิ่งหนึ่งก็คือว่า น้ำมันหอมระเหยในน้ำหอมจะเกิดปฏิกริยากับภาชนะที่เป็นเครื่องเคลือบกระเบื้อง (Porcelain) ในทางกลับกันสำหรับภาชนะอื่น ๆ แล้ว ก็ยากที่จะผลิตจุกขวดที่ทำจากกระเบื้องเคลือบ (Porcelain) ให้มีเสถียรภาพได้ ซึ่งจำเป็นต่อการผลิตในโรงงานผลิตที่มีขนาดใหญ่
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก http://pefumeit.brimkster.net/roop.html คั่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น